Huracán EVO เป็นรถที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่ประสบความสำเร็จของ Lamborghini ที่ได้ดึงสมภาพที่แท้จริงของเครื่องยนต์ V10 ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการรวบสุดยอดนวัตกรรมต่างๆ ที่มีมารวมอยู่ในรถคันเดียวทำให้ผลออกมาเป็นเจ้า Huracan ที่แรงและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน ด้วยเครื่องยนต์ V10 5.2 ลิตร 631 แรงม้า 7 เกียร์ ระบบคลัทช์คู่ เร่งความเร็วได้สูงสุดจาก 0 – 100 กิโลเมตรเพียง 2.9 วินาที พละกำลังในการเบรกก็ไม่ใช่เล่นๆ สามารถหยุดรถในความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 31.9 มิลลิวินาที
Lamborghini Huracan วางขายแล้วในราคา 261,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.2 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยจัดส่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปี มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Grigio Artis), สีดำ (Grigio Lynx), สีเทา (Bianco Icarus), สีแดง (Rosso Mars) และ สีส้ม (Arancio Xanto) นอกจากนี้ยังเข้าไปแต่งรถตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น สีเบาะ สีตะเข็บ สีคาลิปเปอร์ ลายล้อแม็กซ์ และอื่นๆ อีกเพียบ
สมรรถนะของ Huracán EVO
1.Lamborghini Integrated Vehicle Dynamics หรือ LDVI เป็นสมองกลอัจฉริยะของ Huracán EVO เป็นตัวช่วยในประสานงานกับระบบขับเคลื่อนที่มีความซับซ้อนสูง มันสามารถคำนวณสภาพแวดล้อมภายในรถและนำมาตัดสินใจในการสั่งงาน ราวกับรู้ใจคนขับว่าจะทำอะไรต่อไป ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมใหม่ที่ถูกนำมาใส่บนรถยนต์ของ Lamborghini
2.Human Machine Interface หรือ HMI เป็นระบบหน้าจอสำหรับควบคุมการสั่งงานภายในรถยนต์ ด้วยขนาดจอทัชสกีนใหญ่ 8.4 นิ้ว รองรับการทีชสกีนหลายนิ้วในเวลาเดียวกัน เพียงแตะไม่กี่ครั้งก็สามารถควบคุมระบบขับเคลื่อนได้อย่างง่ายดาย รวมถึงสั่งงานความบันเทิงส่วนตัว
3.Aerodynamics EVO ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ก้าวข้ามขีดจำกัดทางอากาศพลศาสตร์ ซึ่งผลที่ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลเดิมมากถึง 5 เท่า ช่วยสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่เบรกหรือเร่งความเร็ว รวมถึงช่วงเวลาที่เข้าโค้ง
4.มีการออกแบบปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่หมด ด้วยเครื่องยนต์ขุมพลัง V10 ที่เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะหาได้บนโลก ด้วยการร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญด้านรถแข่งจาก Motorsport เพื่อทำให้มันใจว่าเครื่องยนต์จะตอบสนองได้ดีในทุกแรงม้าที่มันผลิต โดยมีระบบเกียร์คลัตช์คู่ (LDF) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญความสำเร็จในครั้งนี้
5.สถาปัตยกรรมของระบบกันสะเทือนของ Huracán EVO มีรูปแบบซ้อนกันสี่ด้านซึ่งเป็นตัวช่วยในการสร้างความสมดุลให้กับรถ ด้วยโช๊คอัพแบบ Magnetorheological Shock ที่จะตอบสนองต่อสไตล์การขับขี่ของผู้ขับได้อย่างทันที มันจะปรับตัวเข้ากับสภาพถนนเพื่อลดแรงสะเทือนรวมถึงรักษาความสมดุลตลอดการเดินทาง
6.พวงมาลัยแบบ Electronic Power Steering (EPS) ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การขับขี่ทุกรูปแบบเพื่อให้ได้ประสบการณ์ขับขี่ที่ปลอดภัย รับประกันความการบังคับเลี้ยวจะเป็นไปอย่าง